อาการที่บ่งบอกว่า รถของคุณต้องไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อโดยด่วน มีอะไรบ้าง?
10 กุมภาพันธ์ 2024

รถยนต์ที่เสื่อมสภาพก็เปรียบเสมือนร่างกายที่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อให้รถยนต์ของคุณพร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และพร้อมลุยไปกับคุณได้ทุกที่ ทุกสภาพท้องถนน ทุกสภาพอากาศ หากรถของคุณมีปัญหา เช่น รถยนต์เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือพวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ อาจเกี่ยวข้องกับการตั้งศูนย์และถ่วงล้อได้

 

บทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่า ตั้งศูนย์ถ่วงล้อคืออะไร มีวิธีการอย่างไร และใช้เวลานานหรือไม่ รวมถึง อาการของรถที่เป็นสัญญาณว่า ควรขับไปเช็กที่ศูนย์ฯ ได้แล้ว 

 

ทำความรู้จักกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คืออะไร สำคัญแค่ไหน

 

ทำความรู้จักกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คืออะไร สำคัญแค่ไหน

ในหัวข้อนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักว่าแท้จริงแล้ว การตั้งศูนย์คืออะไร? และการถ่วงล้อคืออะไร? แท้จริงแล้วทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร? อย่าสงสัยนาน! ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย!

 

การตั้งศูนย์

การตั้งศูนย์ คือ การปรับระบบกันสะเทือนที่เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และล้อ ซึ่งไม่ใช่การปรับยางหรือล้อของรถยนต์ตามที่หลายคนเข้าใจ โดยการตั้งค่าระบบกันสะเทือนของรถยนต์นั้นมีเพื่อถ่วงให้ทิศทางของรถยนต์ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งขณะที่คุณขับขี่ พร้อมทั้งยังช่วยลดการสั่นสะเทือน เพื่อเป็นการปรับสมดุลของมุมล้อขณะที่เคลื่อนที่บนท้องถนน ถือเป็นขั้นตอนที่จะช่วยให้ในระหว่างขับขี่ สามารถควบคุมรถได้อย่างนุ่มนวล และมั่นคงมากยิ่งขึ้น

 

หรือสรุปให้กระชับ การตั้งศูนย์ คือ การทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบังคับเลี้ยว ช่วงล่างรถยนต์ทำงานสัมพันธ์กันอย่างสมดุล เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลมากที่สุด โดยที่ตั้งศูนย์นั้นจะมีวิธีการตั้งค่าให้เป็นศูนย์มากที่สุด เป็นที่มาของคำว่าตั้งศูนย์ มุมที่จะต้องตั้งมีอยู่ 3 มุม ได้แก่

  • มุมแคมเบอร์ เป็นมุมที่มองจากด้านหน้ารถหรือหลังรถในลักษณะเส้นดิ่ง เพื่อดูว่าล้อแบะเข้าหรือแบะออก หากมุมนี้เอียงไปด้านในจะถูกเรียกว่าแคมเบอร์บวก ในขณะที่หากมุมเอียงไปด้านนอกจะถูกเรียกว่าแคมเบอร์ลบ โดยปกติทั่วไปจะถูกตั้งค่าเป็น 0 หรือไม่ควรเกิน -2 เนื่องจากหากมีค่ามุมที่นอกเหนือจากที่กล่าวไปอาจทำให้ส่วนรับน้ำหนัก หรือชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนล้อสึกตามมาได้
  • มุมโท เป็นมุมที่มองจากด้านบนหลังคา จะอยู่ในลักษณะที่ทำมุมกับยางที่เอนเข้าด้านในหรือด้านนอก หากล้อด้านหน้าสุดของทั้งสองทำมุมเข้าหากันจะถูกเรียกว่าโทอิน (Toe-in) ในขณะที่หากล้อด้านหน้าสุดของล้อกางออกจากกันจะถูกเรียกว่ามุมโทเอาต์ (Toe-out) หากเจอกรณีไม่ว่าจะโทอินหรือโทเอาต์ต่างจำเป็นต้องเข้ารับบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่  โดยปกติทั่วไปจะถูกตั้งค่าเป็น 0 หรือบวกลบไม่ควรเกิน 1-2 
  • มุมแคสเตอร์ เป็นมุมที่มองจากด้านข้างของตัวรถเข้าไปหาตัวรถ ซึ่งเป็นมุมการวางตำแหน่งล้อ หากมุมแคสเตอร์บวก แกนพวงมาลัยจะหันเอียงไปทางคนขับ แต่หากมุมแคสเตอร์ลบ แกนพวงมาลัยจะหันเอียงไปทางหน้ารถ

 

การถ่วงล้อ

การถ่วงล้อ คือ การหาสมดุลของล้อและยางรถยนต์ โดยทำการปรับปรุงระบบล้อและยางยนต์ที่เสียสมดุลจากการใช้งาน อาทิ เบียดชนขอบถนน ตกหลุม กระแทกสิ่งกีดขวางบนท้องถนน และสาหตุอื่นๆ หากไม่ได้รับการถ่วงล้ออาจจะก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนขณะขับขี่ อีกทั้งยังส่งผลให้ประสิทธิภาพของการเกาะถนนของยางยนต์ลดลงอีกด้วย เนื่องจากยางรถยนต์สึกหรอไวกว่าปกติ

 

ดังนั้น การถ่วงล้อจะช่วยรักษาสมดุลให้แก่ผู้ขับขี่ อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ล้อและยางยนต์ให้ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ ส่งผลให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลมากกว่าที่เคย โดยที่การถ่วงล้อนั้นจะอยู่ 2 วิธีได้แก่

  • การถ่วงโดยการถอดล้อถ่วงสมดุลที่เครื่อง
  • การถ่วงล้อระยะประชิดหรือถ่วงแบบจี้

 

ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์เมื่อไหร่ดี

 

ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์เมื่อไหร่ดี

เมื่อใดก็ตามที่รถของคุณกำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้แล้วล่ะก็! อย่ารอช้า รีบพารถของคุณรับบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อโดยด่วน

  • รถยนต์เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
  • รถยนต์ได้รับแรงกระแทก หลังจากตกหลุมหรือชนสิ่งกีดขวาง
  • พวงมาลัยเอียงจากศูนย์กลาง พวกมาลัยสั่นขณะขับขี่ด้วยความเร็ว
  • ผิวดอกยางสึก ผิวดอกยางไม่สม่ำเสมอ  หรือยางรถยนต์ส่งเสียงดังกว่าที่เคย
  • เมื่อมีการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หรือเพิ่มชิ้นส่วนช่วงล่างใหม่

 

นอกจากการอาการผิดปกติเหล่านี้ ที่เป็นสัญญาณว่า รถของคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการถ่วงล้อ ในความแท้จริงแล้ว คุณควรเข้ารับการตั้งศูนย์และการถ่วงล้อทุกๆ 6,000 ไมล์ หรือราวๆ 10,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบทุกๆ 4-6 เดือน ทั้งนี้ อาจจะตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำมาก็ได้ หากในกรณีที่เห็นความผิดปกติใดๆ ควรรับเข้าบริการทันที

 

ขั้นตอนการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

 

ขั้นตอนการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

หลังจากเข้าใจถึงความหมาย รวมถึงความแตกต่างของการตั้งศูนย์และถ่วงล้อแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า แต่ละวิธีการมีขั้นตอน หรือวิธีการอย่างไรบ้าง? ไปศึกษากันเลย!

 

การตั้งศูนย์

ในการตั้งศูนย์จะคำนึงถึง 3 มุม คือ มุมแคมเบอร์ มุมโท และมุมแคส เพื่อรักษาค่าสมดุลให้อยู่ที่ศูนย์ จึงเป็นที่มาของคำว่าตั้งศูนย์ ดังนั้น การตั้งศูนย์ล้อ คือ การกำหนดค่าองศาที่ถูกต้อง โดยไม่แบะ หรือหุบออกจนเกินไป เพื่อให้การขับขี่ของคุณเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด และนุ่มนวลที่สุด

 

การตั้งค่ามุมของล้อรถยนต์ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ต้องมีค่าที่ถูกต้องตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพื่อให้การขับขี่เป็นได้อย่างสมดุลและนุ่มนวลที่สุด โดยที่เวลาที่ใช้ในการตั้งศูนย์นั้น จะขึ้นอยู่กับความชำนาญการของช่าง ณ ศูนย์บริการแห่งนั้นๆ

 

การถ่วงล้อ

การถ่วงล้อ คือ การปรับสมดุลของน้ำหนักในชุดยางหรือล้อ โดยจะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่

  • การถ่วงโดยการถอดล้อถ่วงสมดุลที่เครื่อง เป็นวิธีที่ช่างจะถอดล้อออกมาเข้าเครื่องถ่วง และตัวเครื่องจำเป็นต้องทำงานเสียก่อน โดยจะนำล้อไปติดตั้งบนเครื่องถ่วงล้อ เพื่อติดตั้งตะกั่วถ่วงล้อใหม่ให้มีความสมดุล เมื่อหมุนล้อบนเครื่องถ่วงล้อด้วยความเร็ว ล้อจะต้องไม่มีการสั่นสะเทือน
  • การถ่วงล้อระยะประชิดหรือถ่วงแบบจี้ นิยมใช้ในกรณีที่รถยนต์ไม่สามารถแก้ไขอาการสั่นสะเทือนของล้อได้จากวิธีการถ่วงโดยการถอดล้อถ่วงสมดุลที่เครื่อง โดยวิธีนี้จะมีการนำล้อหมุนเข้าไปจี้กับแก้มยาง เพื่อหมุนล้อและสังเกตอาการผิดปกติของล้อขณะที่ติดตั้งอยู่บนรถยนต์ วิธีนี้สามารถสร้างสมดุลให้ช่วงล่างของรถยนต์ได้ ไม่ว่าจะเป็น ล้อและยาง จานเบรก ลูกปืน และเพลาขับ

 

หากใช้งานรถยนต์โดยไม่เคยตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะเกิดอะไรขึ้น

 

หากใช้งานรถยนต์โดยไม่เคยตั้งศูนย์ถ่วงล้อจะเกิดอะไรขึ้น

หากคุณไม่ได้ตั้งศูนย์ล้อให้สมดุล หรือศูนย์ล้ออยู่ในองศาที่ผิดปกติ อาจจะส่งผลเสียกับอุปกรณ์รถยนต์ของคุณได้ เช่น ยางรถยนต์สึกหรอก่อนกำหนด นอกจากนี้  ยังสามารถส่งผลต่อการขับขี่ของคุณได้เช่นกัน เช่น รถยนต์ของคุณเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งจนเสียการทรงตัว และอาจเกิดอุบัติได้

 

ดังนั้น การตั้งศูนย์ถ่วงล้อจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อรถทุกคัน เพราะสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับรถ มีส่วนช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น และช่วยย่นระยะเวลาการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อควรรู้หลังตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

 

ข้อควรรู้หลังตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

หลายคนอาจจะคิดว่าเมื่อสิ้นสุดการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ คงไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว แค่ตรวจเช็กตามระยะเวลาที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นหรือ 4-6 เดือนก็เป็นพอ แต่หากคุณต้องการให้รถยนต์อยู่ในสถานะพร้อมใช้งานแบบ 100% อยู่เสมอ หรือต้องการยืดอายุการใช้งานของส่วนประกอบต่างๆ ให้นานยิ่งขึ้น หัวข้อนี้จะพาไปดูสิ่งที่ควรทำเพิ่มเติม ซึ่งมีดังนี้

 

เช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ

การเช็กลมยางถือเป็นมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องขับขี่รถยนต์ระยะทางไกล เพราะยางยนต์นับเป็นสิ่งที่จะแบกรับน้ำหนักของรถทั้งคัน รวมทั้งสัมภาระของคุณ หากยางยนต์อยู่ในสภาพที่เหมาะสม นอกจากจะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

 

ดังนั้น การเติมลมยางยนต์แต่ละครั้งจำเป็นจะต้องเติมให้พอดี โดยสามารถดูได้จากคู่มือของรถยนต์รุ่นนั้นๆ ที่จะมีการระบุแรงดันลมยางที่เหมาะสมไว้ โดยมีเลขกำกับที่ชัดเจนว่าควรเติมเท่าไหร่  ทั้งนี้ มีข้อควรระวังในการเติมลมยาง ดังนี้

  • ในกรณีที่เติมลมยางมากเกินไป จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับถนนได้น้อยลง จึงส่งผลให้ดอกยางด้านข้างสึกไวกว่าบริเวณอื่น และอาจจะก่อให้เกิดยางรถระเบิดได้อีก
  • ในกรณีที่เติมลมยางน้อยเกินไป ทำให้ไหล่ยางสึกไวกว่าบริเวณอื่น ส่งผลให้โครงสร้างยางเสียรูปได้

 

เข้ารับการตรวจเช็กรถยนต์เมื่อถึงเวลา

ร่างกายของเรายังต้องได้รับการตรวจประจำปี รถยนต์ก็เช่นกัน เมื่อถูกขับขี่ไปสักระยะก็ควรได้รับการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการตรวจเช็กสามารถแยกได้ออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ตรวจเช็กตามระยะทาง หรือตรวจเช็กตามระยะเวลา โดยในกรณีของการตั้งศูนย์ล้อควรตรวจเช็กในระยะทางประมาณ 20000 กิโลเมตร หรือในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เอง อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์อีกด้วย

 

แม้กระทั่งล้อแม็กก็ยังนับเป็นชิ้นส่วนที่ควรได้รับการตรวจเช็กเช่นกัน หากมีการเปลี่ยนยางรถยนต์ขนาดควรสอดคล้องกับล้อแม็ก เพราะล้อแม็กมีด้วยกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ล้อแม็กจาน ล้อแม็กก้านใหญ่ ล้อแม็กก้านถี่หรือก้านเล็ก ล้อแม็กลายตาข่าย จำเป็นต้องเลือกให้ตรงสเปกกับรถยนต์ของคุณ

 

หมั่นดูแลและทำความสะอาดล้อรถยนต์

หากรถยนต์ของคุณนั้นได้รับการใช้งานบ่อยครั้ง ไม่แปลกที่จะต้องได้รับการดูแลและทำความอาดสะอาด โดยเฉพาะบริเวณล้อรถยนต์ เพราะทุกขั้นตอนในการขับขี่ล้วนส่งผลโดนตรงต่อตัวล้อรถยนต์ โดยวิธีการดูแลรักษาล้อรถยนต์ก็มีขั้นตอนที่ไม่ยาก ดังนี้

  • การล้างล้อรถยนต์ โดยเลี่ยงการใช้แปรงหรือวัสดุที่มีความแข็งกระด้าง
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาขัดสี และเครื่องล้าง เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อผิวล้อของคุณ
  • หลีกเลี่ยงการล้างล้อขณะที่มีความร้อนหลงเหลืออยู่ เพราะอาจจะเกิดคราบเมื่อยางล้อทำปฏิกิริยากับสบู่
  • ควรแยกอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ เพราะเศษตะกอน เม็ดทราย หรือหินที่ฝังติดอยู่บริเวณล้ออาจจะไปทำลายพื้นผิวส่วนอื่นของรถได้
  • ส่วนบริเวณขอบเงาของล้อจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่จะถูกเคลือบแล็กเกอร์ไว้ อาจจะทำให้เสื่อมสภาพไวกว่าที่ควร จึงควรใช้วัสดุที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เพื่อรักษาฟิล์มแล็คเกอร์ที่เคลือบไว้    

 

การตั้งศูนย์และถ่วงล้อรถยนต์เป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปพร้อมกัน เนื่องจากการตั้งศูนย์หรือการถ่วงล้อ คือ สิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้ล้อรถยนต์อยู่ในสภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ สามารถขับขี่และใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึง เพิ่มความปลอดภัยเมื่ออยู่บนท้องถนนอีกด้วย ที่สำคัญ เมื่อผ่านวิธีการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่แล้ว จะต้องคอยตรวจเช็กอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้งานรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ เพื่อให้การเดินทางทุกครั้งของคุณนั้นปลอดภัย ไร้กังวัล

 

10 กุมภาพันธ์ 2024