ตะลุยรุ่นเบนซ์มือสอง คุณภาพระดับพรีเมียมในราคาระดับเพื่อนมิตร
February 16, 2024

ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดของตลาดรถยนต์ที่เฉือดเฉือนกันด้วยดีไซน์ สมรรถนะเครื่องยนต์ หรือฟังก์ชันการใช้งาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) แบรนด์รถหรูสัญชาติเยอรมันยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำยี่ห้อรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและถูกกล่าวถึงมากที่สุด ด้วยภาพจำของแบรนด์ที่นำเสนอถึงความภูมิฐาน และหรูหรา ประกอบกับเป็นรถยนต์ที่มีการซื้อขายมือสองกันมากมาย ส่งผลให้คุณสามารถซื้อรถเบนซ์มือสองคุณภาพพรีเมียม ทนทาน และใช้งานได้ยาวนานในราคาดีได้นั่นเอง บทความนี้จะมาบอกเล่าสาเหตุที่รถเบนซ์มือสองเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน พร้อมแนะนำรุ่นรถนิยมต่างๆ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

ทำไมต้องเบนซ์มือสอง

มันดียังไง ทำไมต้องเบนซ์มือสอง

คนส่วนใหญ่หันมาซื้อเบนซ์มือสองกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะราคาถูกกว่ามือหนึ่งแล้ว Mercedes-Benz ยังรวมข้อดีต่างๆ มากมายเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของตัวเลือก อายุการใช้งาน สมรรถนะเครื่องยนต์ หรือภาพลักษณ์ เป็นต้น ไปดูกันทีละข้อเลยดีกว่า 

ช้อยเยอะ เลือกได้มากมาย

เบนซ์มือสองมีรุ่นและปีมากมาย ทั้งประเภทหรือรูปทรงรถก็มีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันไป จึงทำให้สามารถเลือกได้ตามความชอบและเหมาะสมกับการใช้งานได้เลย ยกตัวอย่างเช่น

  • Saloon: รถยนต์ดีไซน์คลาสสิก ภายในนั่งได้อย่างสะดวกสบายด้วยการจัดโซนที่นั่งและโซนเก็บของออกจากกันอย่างชัดเจน
  • Coupé: รถคูเป้ที่มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว พร้อมการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่สะดวก โฉบเฉี่ยวเหนือระดับ
  • SUV: ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์ด้วยรถยนต์ SUV ที่สามารถเห็นวิสัยทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน พร้อมกับโซนเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น
  • Cabriolet / Roadster: เติมเต็มประสบการณ์ขับขี่อย่างสมบูรณ์ด้วยดีไซน์สุดสปอร์ตแบบรถยนต์เปิดประทุน

อะไหล่หาไม่ยาก ต่างจังหวัดมีอู่

อะไหล่เบนซ์ส่วนหนึ่งถูกผลิตขึ้นในเมืองไทย และบางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ขั้นตอนการจัดส่งถือว่าใช้เวลาไม่นานนัก จึงหมดข้อกังวลเรื่องเปลี่ยนอะไหล่ไปได้ ไม่เพียงเท่านั้น รถเบนซ์นั้นถือว่าอู่ไหนๆ ก็รับซ่อม แม้อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ต้องกลัวหาอู่ไม่ได้ บอกเลยว่าการจะเลือกรถมือสองสักคนนั้น การเลือกรถที่หาอะไหล่ได้ง่ายถือเป็นหนึ่งในวิธีดูรถมือสองที่สำคัญอีกวิธีหนึ่ง 

อายุการใช้งานนาน เครื่องยนต์ทนทาน

เนื่องจากรถเบนซ์ทุกคันจะได้รับการตรวจสอบเพื่อผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพสูงสุด จึงทำให้แม้จะเป็นรถที่มีอายุการใช้งานแล้ว ก็ยังมีสภาพแข็งแรงทาน เครื่องยนต์และช่วงล่างยังทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพ นำไปใช้ขับขี่ได้อย่างสบายใจ ขอแค่นำเข้าตรวจเช็กสภาพรถเมื่อถึงเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอก็พอ 

ภาพลักษณ์ดูดี ไม่มีตกยุค

รถทุกรุ่นของเบนซ์เกิดจากแนวคิดที่ต้องการผลิตนวัตกรรมที่ดีที่สุด ซึ่งรวมไปถึงเรื่องดีไซน์และการออกแบบที่สอดคล้องกับสมรรถนะเครื่องยนต์และฟังก์ชันการใช้งาน จนได้เป็นรถยนต์ที่นอกจากจะประสิทธิภาพเยี่ยมแล้ว ยังมีภาพลักษณ์ที่ดูดีและทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกๆ ด้าน

เบนซ์มือสองรุ่นไหนดี? มาดูคำตอบกัน

สำหรับคนที่อยากได้รถเบนซ์มือสองคุณภาพดีสักคันหนึ่ง คงต้องตอบคำถามตัวเองก่อนว่า ชื่นชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษ หรือต้องการใช้งานแบบไหน ซึ่งรถเบนซ์แต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยรุ่นยอดนิยม มีดังนี้

Mercedes-Benz CLA-Class

เริ่มต้นกันที่รถยนต์รุ่น Mercedes-Benz CLA-Class ซึ่งเป็นรถยนต์ตระกูลคูเป้ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สุดสปอร์ตที่สังเกตเห็นได้จากการตกแต่งภายนอกและภายใน มาพร้อมกับสมรรถนะการทำงานที่ไม่ธรรมดา ช่วยให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับทุกการเดินทาง โดยรุ่นยอดนิยมคือ CLA250 AMG และ CLA200 AMG

Mercedes-Benz CLA250 AMG มือสอง

1. Mercedes-Benz CLA250 AMG มือสอง

Mercedes-Benz CLA250 AMG เรียกได้ว่านิยมเป็นอันดับหนึ่งเมื่อพูดถึงเบนซ์มือสอง คันนี้มักมาในทรงคูเป้ที่ได้รับการตกแต่งบริเวณกระจังหน้าแบบ Diamond grille ประตูรถทรงโค้งสวย รับกับไฟหน้ารถและล้อยางได้เป็นอย่างดี ราคามือหนึ่งอยู่ที่ 2,690,000 บาท แต่เนื่องจากได้ยุติการผลิตแล้ว จึงทำให้ต้องหาซื้อกันแบบมือสองแทน ซึ่งก็มีคนตามหากันมากทีเดียว โดยเฉพาะรุ่นปี 2017 หรือ 2018 จะมีราคาถูกลง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,500,000 - 1,700,000 บาท ขึ้นอยู่กับเลขไมล์และสภาพรถ 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 1,991 ซีซี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันมากขึ้น
  • ระบบ Steering-wheel Gearshift Paddles สำหรับเปลี่ยนเกียร์ตรงพวงมาลัย
  • ระบบ Attention Assist ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่เมื่อเกิดอาการเหนื่อยล้า ป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ Electric Panoramic Sliding Glass Sunroof สำหรับเปิดปิดซันรูฟ
  • ระบบ Cruise Control ช่วยรักษาระดับความเร็วแบบคงที่
  • ระบบ Anti-lock Braking System (ABS) ช่วยป้องกันล้อรถล็อค
  • มีตัวถังให้เลือก 2 แบบคือ คูเป้และซีดาน
  • เบาะที่นั่งไฟฟ้า สามารถปรับระดับที่นั่งและบันทึกรูปแบบได้

Mercedes-Benz CLA200 มือสอง

2. Mercedes-Benz CLA200 มือสอง

เบนซ์มือสองรุ่น Mercedes-Benz CLA200 สเปคโดนใจ ตอบโจทย์การใช้งานแบบครบถ้วน และมีราคาถูกลงมาจาก CLA250 โดยรุ่นปี 2016 - 2018 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,300,000 - 1,400,000 ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1,595 ซีซี พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ที่ช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์
  • ระบบ Steering-wheel Gearshift Paddles สับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้อย่างว่องไว
  • ระบบ Electronic Stability Program ควบคุมการทรงตัวขณะขับรถ ช่วยป้องกันการลื่นไถล
  • ระบบ Adaptive Break เพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้งานระบบเบรกมากขึ้น
  • ระบบ Attention Assist ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่เมื่อเกิดอาการเหนื่อยล้า เพื่อป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน เลือกใช้งานระบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
  • เบาะปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ

Mercedes-Benz C-Class

Mercedes-Benz C-Class ถือกำเนิดขึ้นมา 20 กว่าปีแล้ว และถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่รถหรูให้ผู้ใช้งาน โดยปัจจุบัน C-Class จะมีทั้งคูเป้และซาลูนที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก สง่างามเหนือกาลเวลา เบนซ์มือสองรุ่นฮิตของคลาสนี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 

Mercedes-Benz C250 มือสอง

1. Mercedes-Benz C250 มือสอง

ถึงแม้ว่า Mercedes-Benz C250 จะกลายเป็นหนึ่งในรถที่ถูกยกเลิกการผลิตไปแล้ว แต่ด้วยสมมรถนะอันเหนือชั้นและดีไซน์ที่โดดเด่น จึงทำให้ความนิยมในรถรุ่นดังกล่าวไม่เคยตกลงมาเลย ขณะเดียวกัน ราคามือสองยังน่าซื้ออีกด้วย เช่น C250 Coupe AMG Dynamic ราคามือหนึ่ง 3,620,000 บาท ขณะที่มือสองรุ่นปี 2017 หรือ 2018 ที่มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,900,000 ถึง 2,100,000 เท่ากับถูกลงมาจากมือหนึ่งเกือบครึ่งเลยทีเดียว

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ขนาด 1,991 ซีซี กำลัง 211 แรงม้า พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์
  • ระบบ Mercedes-Benz Intelligent Drive ช่วยสนับสนุนการขับขี่ให้ปลอดภัยด้วยระบบเซ็นเซอร์ที่ทำงานร่วมกับกล้องรถยนต์
  • ระบบไฟ Adaptive Highbeam Assist Plus ให้ความสว่างทั้งเวลากลางวันและกลางคืน
  • ระบบ Electric Panoramic Sliding Glass Sunroof สำหรับเปิดปิดหลังคารถยนต์
  • ระบบ​ Distance Pilot DISTRONIC คำนวณระยะห่างของรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัยและป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • Hand-up Display สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ของผู้ใช้งานและเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน
  • เบาะไฟฟ้าคู่หน้าสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสรีระผู้ขับขี่ พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งการนั่ง

Mercedes-Benz C200 มือสอง

2. Mercedes-Benz C200 มือสอง

อีกหนึ่งรุ่นที่มีสเปคและฟังก์ชันแบบครบครันไม่แพ้รุ่นอื่นๆ เลยก็คือ Mercedes-Benz C200 โดยรถรุ่นดังกล่าวได้ถูกปรับโฉมใหม่ให้มีความสเปอร์ตมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านเครื่องยนต์ ช่วงล่าง หรือดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยค่าตัวมือหนึ่งจะอยู่ที่ 3,539,000 บาท ส่วนราคามือสองในปี 2017 - 2019 อยู่ที่ประมาณ 1,800,000 - 2,000,000 บาท 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • รถยนต์ 2 ประตู ภายในกว้างขวาง พร้อมชุดแต่งรอบขับแบบ AMG Bodystyling
  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร 1,994 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0 - 100 ต่อชั่วโมงภายในเวลา 7.2 วินาที
  • ระบบ Electric Panoramic Sliding Glass Sunroof สำหรับเปิดปิดหลังคารถยนต์
  • ระบบ Anti-lock Braking System (ABS) ช่วยป้องกันล้อรถล็อค
  • ระบบ Cruise Control รักษาระดับความเร็วสำหรับการเดินทางทั้งระยะใกล้และระยะไกล 
  • ระบบ COMAND Online เชื่อมต่อกับระบบเสียง พร้อมรองรับการใช้งาน Apple Carplay กับ Android Auto
  • ปุ่ม Paddle Shifts ปรับเปลี่ยนเกียร์ตรงพวงมาลัยได้อย่างรวดเร็ว

Mercedes-Benz C350 มือสอง

3. Mercedes-Benz C350 มือสอง

เติมเต็มช่วงเวลาอันสมบูรณ์แบบกับ Mercedes-Benz C350 ซึ่งรวมเอานวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัยที่สุดมารวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยรถยนต์ C350 ได้ถูกปล่อยออกมาถึง 3 รุ่น ได้แก่ C350e Avantgarde ราคา 2,640,000 บาท, C350e Exclusive ราคา 2,840,000 บาท และ C350e AMG Dynamic ราคา 3,149,000 บาท ขอแนะนำเป็น C350e Exclusive ที่ได้ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ครบถ้วน แต่ราคาสบายกระเป๋า โดยรุ่นปี 2018 - 2019 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,150,000 - 1,290,000 ขึ้นอยู่กับไมล์ปีและการใช้งานรถ 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,991 ซีซี พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์
  • ระบบส่งเกียร์ 7 จังหวะ ช่วยเสริมอัตราเร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ​ Active Brake Assist ช่วยเบรกรถแบบอัตโนมัติ ป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ​ Active Parking Assist ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องรถยนต์เพื่อสนับสนุนการเข้าจอด
  • ระบบความปลอดภัย Attention Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
  • ระบบ​ASSYST Plus ช่วยเตือนเมื่อต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ

Mercedes-Benz C300 มือสอง

4. Mercedes-Benz C300 มือสอง

Mercedes-Benz C300 ผสมผสานการทำงานของระบบเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถชาร์จไฟฟ้าเพื่อใช้งานได้ จึงประหยัดน้ำมันและช่วยลดมลพิษบนท้องถนนอีกด้วย ขอแนะนำเป็น AMG Sport ที่มาพร้อมชุดแต่ง AMG ดีไซน์สปอร์ต โดยรุ่นนี้มือหนึ่งราคา 2,699,000 บาท ส่วนมือสองปี 2016 - 2018 ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500,000-1,800,000 เท่านั้น 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงให้กำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า
  • ระบบเบนซิน Plug-in Hybrid เสริมการทำงานของเครื่องยนต์และช่วงล่างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ระบบ ​Mercedes Me Connect เพื่อตรวจสอบสภาพรถยนต์ พร้อมการโทรช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • ระบบ​ Electronic Stability Control (ESP) ควบคุมการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพของรถยนต์
  • ระบบ Active Brake Assist​ (ABA) ช่วยควบคุมการเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ​ Attention Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
  • ระบบ​Active Parking Assist ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ Parktronic เพื่อช่วยในการจอดรถเข้าช่อง
  • ระบบไฟ Multi Beam LED ช่วยให้ความสว่างและเพิ่มวิสัยทัศน์ขับขี่ในเวลากลางคืน
  • เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งผู้ขับขี่

Mercedes-Benz E-Class

รุ่นที่ได้รับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูสปอร์ตและทันสมัย โดยมีขุมกำลังให้เลือก 2 แบบ คือ ระบบเบนซินผสาน Pug-in Hybrid และระบบดีเซลพร้อมตัวเลือก 3 รุ่นหลัก ได้แก่ E200, E300, และ New E220D AMG ทั้งนี้ รุ่นนี้ดีไซน์ขนาดภายในที่นั่งโดยสารให้กว้างขึ้น พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ เช่น ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว เป็นต้น จึงถูกใจกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อเบนซ์มือหนึ่งหรือมือสองอย่างยิ่ง โดยจะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
 

Mercedes-Benz E200 มือสอง

1. Mercedes-Benz E200 มือสอง

รุ่นนี้มีจุดเด่นคือ Completely Built Up เป็นรถที่ถูกผลิตในต่างประเทศและนำเข้าจำหน่าย ดังนั้น ซีรีส์นี้จึงการันตีคุณภาพและมาตรฐานของรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมันได้เป็นอย่างดี คันนี้เป็นรถ 2 ประตู เปิดปิดหลังคาได้ และมีขนาดกว้างเพราะถังรถยาว โดยจะมี 2 รุ่นให้เลือก คือ E 200 Coupé AMG Dynamic และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic ซึ่งรุ่นที่น่าสนใจคือ E 200 Cabriolet AMG Dynamic มีการซื้อขายในตลาดเบนซ์มือสองอย่างคึกคัก ขอแนะนำปี 2014 - 2015 เป็นพิเศษ เพราะมีค่าตัวเพียงประมาณ 2,500,000 - 2,800,000 บาทเท่านั้น

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบ ขนาด 1,991 ซีซี พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์จัดการความร้อนของเครื่องยนต์
  • ระบบ COMAND Online ช่วยแสดงเส้นทางจุดหมาย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบบลูทูธกับสมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
  • เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อม Paddle Shift สำหรับปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพื่อควบคุมการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ Active Brake Assist ทำงานร่วมกับ Cruise Control และ Speedtronic เพื่อควบคุมอัตราเร่งและการเบรกรถได้อย่างลงตัว
  • ระบบ Parking Pilot สำหรับช่วยเหลือในการจอดรถ พร้อมระบบเซ็นเซอร์และกล้องแสดงภาพจากด้านหลังขณะถอยรถ
  • ระบบปรับไฟหน้ารถแบบอัตโนมัติ สว่างด้วย Multibeam LED ที่ช่วยเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ระหว่างกลางวันและกลางคืน

 Mercedes-Benz E300 มือสอง

2. Mercedes-Benz E300 มือสอง

Mercedes-Benz E300 เป็นรถยนต์ที่ถูกผลิตด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด รวมเข้ากับการดีไซน์สะท้อนความหรูหราและสปอร์ตในเวลาเดียวกัน ไฟหน้ารถแบบ Multibeams LED ที่มีความโฉบเฉี่ยวและดุดันกว่าที่เคย กับภายในที่ตกแต่งด้วยเบาะหนังพรีเมียมกับแสงไฟ Ambient ให้ความลึกลับดูมีเสน่ห์ พร้อมล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ที่มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับทุกการเดินทางของคุณ สำหรับเบนซ์ E-Class รุ่น E300 จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบคือ ​E300e Avantgarde ราคา 3,299,000 หรือ E300e AMG Dynamic ราคา 3,890,000 บาท สำหรับเบนซ์มือสองที่น่าสนใจในหมวดนี้ ขอแนะนำ ​E300 Avantgarde ปี 2016 ที่ได้รับความนิยมสูงในราคาสุดคุ้มอยู่ที่ราวๆ 1,100,000 - 1,300,000 บาทเท่านั้น 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซินผสาน Plug-in Hybrid  4 สูบเรียง ขนาด 1,991 ซีซี พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยส่งกำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า
  • ระบบ Active Brake Assist (ABA) และระบบ BAS ช่วยเบรกได้อย่างนุ่มนวลขณะขับขี่และป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ​ Assyst Plus ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการรถยนต์เพื่อแจ้งเตือนอุปกรณ์ขัดข้องและเพื่อให้นำรถเข้าศูนย์
  • ระบบ ​Keyless-Go ช่วยให้การสตาร์ทรถหรือดับเครื่องง่ายมากขึ้น และฟังก์ชันการเปิดปิดฝากระโปรงรถ พร้อมไฟ LED ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์แก่ผู้ใช้งาน
  • ระบบ Cruise Control ทำงานร่วมกับ Speedtronic ช่วยควบคุมความเร็วและปรับอัตราเร่งให้คงที่ตลอดการเดินทาง
  • ปุ่ม Paddle Shift สำหรับปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบทันที

Mercedes-Benz New E220D AMG มือสอง

3. Mercedes-Benz New E220D AMG มือสอง

Mercedes-Benz E-Class เป็นรุ่นรถที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Heart of the Brand เนื่องจากความนิยมอย่างมาก ซึ่งทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ จนกระทั่งการมาของ Mercedes-Benz New E220D AMG ซึ่งได้รับผลตอบรับดีไม่แพ้รถยนต์รุ่นอื่นๆ โดยราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3,540,000 บาท แต่สำหรับคอเบนซ์มือสอง รุ่นนี้ปี 2016 ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000,000 - 2,200,000 บาทเท่านั้น 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1,950 ซีซี พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์
  • ระบบ Dynamic Select ช่วยเลือกปรับโหมดขับขี่ตามความต้องการใช้งาน เช่น Comfort, Sport, หรือ Eco เป็นต้น
  • ระบบเบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
  • ระบบ Mercedes Me Connect สำหรับตรวจสภาพรถยนต์ พร้อมระบบรองรับบลูทูธไว้เชื่อมต่อกับระบบ Apple Carplay, และ Android Auto
  • ระบบ​ PRE-SAFE System ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
  • ระบบ ​Active Brake Assist (ABA) ช่วยในการเบรกของรถยนต์พร้อมไฟเบรกฉุกเฉินจาก Adaptive Brake Light
  • ระบบ Active Parking Assist ช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องรถยนต์
  • ระบบ​ Cruise Control รักษาระดับความเร็วให้คงที่ เสริมด้วยระบบ ​Speedtronic ช่วยจำกัดความเร็วขณะขับขี่

Mercedes-Benz Class อื่นๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากรถเบนซ์มือสองรุ่นต่างๆ ที่ได้กล่าวมาในข้างต้นแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีจำหน่ายรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจและนิยมซื้อขายกัน ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz GLC250, GLA200, หรือ SLC300 ที่มีฟังก์ชันโดดเด่น ทั้งยังมีราคาน่าซื้อใช้งานไม่แพ้รถยนต์คลาสอื่นๆ 

Mercedes-Benz GLC250 มือสอง

1. Mercedes-Benz GLC250 มือสอง

​Mercedes-Benz GLC250 เป็นรถยนต์ประเภท SUV ที่มีขนาดหน้ากว้าง พร้อมช่องเก็บสัมภาระที่มากกว่าเดิม แต่ยังคงดีไซน์ความสปอร์ตอยู่เต็มเปี่ยม พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ชีวิต โดยจะมีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ GLC 250 d Coupé 4MATIC ราคา 3,990,000 บาท และ GLC 250 Coupe’ 4MATIC  ราคา 4,060,000 บาท ซึ่งมีจะมีสมรรถนะและกำลังเครื่องยนต์แตกต่างกัน สำหรับเบนซ์มือสองในหมวดนี้ ขอแนะนำเป็น​ GLC 250 d Coupé 4MATIC ปี 2016 - 2017 ที่มีราคาเริ่มต้นเพียงประมาณ 1,600,000 - 1,800,000 บาท

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ขนาด 2,143 ซีซี พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์
  • ระบบ LED Intelligent Light System ปรับไฟอัตโนมัติในระหว่างการใช้งานเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ขณะขับขี่
  • ระบบ​ Panoramic Sliding Sunroof สามารถเปิด-ปิดหลังคารถยนต์ได้
  • ระบบ Paddle Shift เพื่อปรับเกียร์ที่พวงมาลัยได้ทันที
  • ระบบ PRE-Safe System ช่วยปกป้องการเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ​ Active Brake Assist ช่วยเบรกรถแบบอัตโนมัติ ป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ​ Active Parking Assist ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องรถยนต์เพื่อสนับสนุนการเข้าจอด
  • ระบบ​ Attention Assist ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่

Mercedes-Benz GLA200 มือสอง

2. Mercedes-Benz GLA200 มือสอง

Mercedes-Benz GLA200 จัดว่าเป็นซีรีส์รถที่เกิดขึ้นเพื่อการใช้งานแบบเอนกประสงค์ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถ SUV ในรุ่นอื่นๆ แต่ยังสังเกตเห็นความสปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยมด้วยชุดแต่ง AMG ที่เข้ามาเสริมในการออกแทบทุกจุด ทั้งยังมีสมรรถะที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย โดย GLA200 จะมีทั้งหมด 2 รุ่นคือ GLA 200 Progressive ราคา 2,330,000 บาท และ GLA 200 AMG Dynamic ราคา 2,480,000 บาท ทั้งนี้ ขอแนะนำ GLA GLA 200 AMG Dynamic ปีล่าสุด 2021 ซึ่งแม้จะออกจำหน่ายมาได้ไม่นาน แต่กลับมีการปรับราคาลดพอสมควร โดยอยู่ที่ประมาณ 1,900,000 - 2,000,000 บาท พร้อมคุณภาพและฟังก์ชันจัดเต็มเช่นเดิม

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 1,332 ซีซี พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์
  • ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ช่วยส่งกำลังให้กับอัตราเร่งของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ Active Brake Assist (ABA) ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์พร้อมแจ้งเตือนและช่วยเบรคอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้รถคันหน้า
  • ระบบ Lowered Comfort Suspension ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถในทุกๆ พื้นผิว
  • ระบบ​ MBUX ช่วยสนับสนุนการขับขี่และใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านการสั่งการด้วยเสียงหรือการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
  • ระบบ ​Mercedes Me Connect ช่วยต่อสมาร์ทโฟนกับเครื่องยนต์เพื่อตรวจสอบสภาพการใช้งานได้ตลอดเวลา

Mercedes-Benz SLC300 มือสอง 

3. Mercedes-Benz SLC300 มือสอง

เพิ่มความสปอร์ตขึ้นไปอีกระดับด้วย Mercedes-Benz SLC300 ซึ่งเป็นรถยนต์เปิดประทุนที่มีความสวยงามมากที่สุดรุ่นหนึ่งของเบนซ์ ด้วยดีไซน์โค้งมนกับลักษณะตัวถังรถที่ดูเรียวยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงออกมาได้อย่างลงตัวในทุกด้าน โดย Mercedes-Benz SLC300 ถูกเปิดราคามาที่ 4,090,000 บาท ขณะที่ราคาเบนซ์มือสองของรุ่นนี้ในปี 2016 - 2018 กลับอยู่ที่ 2,400,000 - 2,600,000 เท่านั้น 

 

จุดเด่นของรุ่นนี้ ได้แก่ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบ ขนาด 1,991 ซีซี พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์
  • ระบบ Active Brake Assist (ABA) และระบบ BAS ช่วยเบรกได้อย่างนุ่มนวลขณะขับขี่และป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบ Attention Assist ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่เกิดอาการเหนื่อยล้า ป้องกันโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบไฟหน้า LED Intelligent Light System ช่วยเพิ่มความสว่างและสร้างวิสัยทัศน์รอบตัวผู้ขับขี่
  • ระบบ​ Electro Hydraulic VARIO-Roof สามารถเปิดปิดหลังคารถยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า
  • ระบบ Immobilizer คอยแจ้งเตือนหากพบการโจรกรรม
  • ระบบ Cruise Control ทำงานร่วมกับ Speedtronic ช่วยควบคุมความเร็วและปรับอัตราเร่งให้คงที่ตลอดการเดินทาง
  • โหมดการขับขี่หลากหลาย เช่น Individual, Comfort, Sport , หรือ Eco เป็นต้น


พูดถึงรถมือสองมาตรฐานยุโรปสัญชาติเยอรมัน ก็ต้องมีเบนซ์เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน เพราะหาซื้อได้ในราคาที่ประหยัดกว่าแต่คุณภาพยังดีงามได้ง่ายๆ รู้รายละเอียดเบนซ์มือสองรุ่นยอดนิยมไปแล้วก็สามารถเข้าไปเลือกจองเบนซ์มือสองสเปกที่ใช่กันได้เลย

February 16, 2024