

ผู้ขับขี่หรือผู้ใช้งานรถยนต์หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องตรวจเช็กหม้อน้ำ? ซึ่งเหตุผลที่ต้องหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพราะหม้อน้ำรถยนต์ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์ หากไม่ดูแลละเลยจนทำให้หม้อน้ำแห้ง จะส่งผลเสียที่ตามมาคือเครื่องยนต์เกิดการโอเวอร์ฮีทจนทำให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้ใช้งานได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ ดังนั้น คาร์ฮีโร่จะมาแนะนำวิธีการตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ พร้อมการดูแลที่ถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำ
หม้อน้ำรถยนต์ ตัวละครเอกที่ไม่ควรละเลย
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าหม้อน้ำรถยนต์นั้นคือส่วนประกอบตรงไหนของรถยนต์และทำหน้าที่อะไร ซึ่งหากพูดง่ายๆ หม้อน้ำเป็นตัวที่ช่วยระบายความร้อนเพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า และระบายความร้อนโดยใช้ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำ ช่วยลดอุณภูมิของเครื่องยนต์ให้เย็นลงบริเวณรังผึ้งของหม้อน้ำ เปลี่ยนความร้อนภายในไปสู่ภายนอก ซึ่งผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจเช็กหม้อน้ำอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ภายใน
สำหรับประเภทของหม้อน้ำรถยนต์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หม้อน้ำอลูมิเนียม และหม้อน้ำแบบพลาสติก แต่รายละเอียดของแต่ละแบบจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ในหัวข้อข้างล่างนี้เลย
-
หม้อน้ำอะลูมิเนียม
หม้อน้ำอะลูมิเนียมมีหนักที่ค่อนข้างเบา แบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิดคือ หม้อน้ำอะลูมิเนียมที่มีฝาแบบพลาสติก และหม้อน้ำอลูมิเนียมที่เป็นพลาสติกทั้งหมด ซึ่งแบบพลาสติกทั้งหมดค่อนข้างหายากและมีราคาแพง แต่การระบายความร้อนสามารถทำได้ดีกว่าแบบพลาสติก
-
หม้อน้ำทองแดง
สำหรับหม้อน้ำทองแดงเป็นที่นิยมใช้กันมากในรถยนต์สมัยก่อน มักพบเจอในรถอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ แบบทองหลืองผสมทองแดง และแบบทองแดง ซึ่งจะระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบทองเหลืองผสมทองแดง หม้อน้ำจะมีความแข็งแรง รวมทั้งราคาก็จะสูงกว่าแบบอื่นๆ
วิธีการตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ที่ใครๆ ก็ทำได้
หม้อน้ำถือเป็นแกนหลักของเครื่องยนต์ ผู้ใช้รถควรหมั่นเช็กหม้อน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสะสม ถ้าระบบระบายความร้อนได้ไม่ดี จะทำให้เครื่องยนต์เกิดการน็อคและระบบต่างๆ ภายในเครื่องยนต์มีปัญหา ทำให้ยากต่อการแก้ไข และอาจทำให้เกิดอันตรายขณะขับขี่ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ววิธีการตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำ สามารถทำได้ในทุกๆ วัน ด้วย 3 ขั้นตอนนี้
1. เปิดฝาหม้อน้ำ
การเช็กว่าหม้อน้ำมีปัญหาหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากการเปิดฝาหม้อน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำง่ายๆ ที่สามารถตรวจสอบได้เอง แต่จะมีข้อควรระวังคือ ไม่ควรเปิดขณะเครื่องยนต์กำลังร้อน เพราะน้ำในหม้อน้ำที่กำลังเดือดอยู่อาจกระเด็นออกมาจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ใช้งานรถยนต์ควรรอให้น้ำเย็นก่อน พร้อมสวมถุงมือกันร้อนขณะเปิดเช็กหม้อน้ำด้วย
2. ตรวจเช็กปริมาณน้ำในหม้อ
เมื่อเปิดหม้อน้ำได้แล้ว ให้ทำการตรวจสอบปริมาณน้ำในหม้อน้ำ โดยการสังเกตว่าระดับน้ำลดลงมากน้อยแค่ไหน หากลดลงมากอาจจะเป็นไปได้ว่าหม้อน้ำรั่ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการเช็กว่าหม้อน้ำรั่วด้วยการเติมน้ำลงไปจนเต็มในระดับ MAX จากนั้นทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วสังเกตว่าน้ำยังลดลงอยู่หรือไม่ ที่สำคัญอย่าลืมดูสีของน้ำยาหล่อเย็นด้วย เพราะหากน้ำเป็นสีสนิมควรนำรถไปเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น
3. เช็กรอยรั่ว
เมื่อตรวจเช็กหม้อน้ำแล้ว พบว่าปริมาณน้ำยังลดลงอยู่มาก ให้ทำการหารอยรั่ว เช่น บริเวณท่อยาง ฝา หางปลาหม้อน้ำ รวมถึงบริเวณรังผึ้ง และจุดอื่นๆ และหากเจอหยดของสีน้ำยาหล่อเย็นบริเวณไหน ก็สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าหม้อน้ำรั่วในบริเวณนั้นๆ
หม้อน้ำรั่วฉุกเฉิน! อย่าเพิ่งมือสั่นไป แก้ไขได้เพียงแค่รู้วิธี
เมื่อสำรวจตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำด้วยวิธีการต่างๆ ข้างต้นแล้ว และพบเจอรอยรั่วอย่าพึ่งตกใจ เพราะปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ง่ายๆ ก่อนจะถึงมือช่าง ซึ่งวิธีแก้ไขในเบื้องต้นที่สามารถทำได้ 2 แบบคือ
- แบบที่1: หากเจอรอยรั่วบริเวณหม้อน้ำ ให้ใช้ดินเหนียว ดินน้ำมัน หรือสบู่ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ และทำการอุดบริเวณรอยรั่วไว้ ทั้งนี้ หากไม่มีอุปกรณ์แก้ไขเบื้องต้น ให้รีบโทรหาช่างเพื่อนำรถเข้าอู่ซ่อม
- แบบที่ 2: เมื่อรู้ว่าหม้อน้ำรั่วให้ทำการจอดรถ พร้อมเปิดกระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน จากนั้นให้เติมน้ำทีละน้อยๆ เข้าไปยังหม้อน้ำ และควรสังเกตว่าน้ำที่เติมไปลดลงอย่างรวดเร็วหรือไม่ เพราะหากลดลงอย่างรวดเร็วนั้นหมายความว่า หม้อน้ำอาจจะแตก ซึ่งในกรณี้ให้ทำการเรียกช่างได้เลย แต่หากน้ำที่เติมไปลดลงช้า ก็สามารถขับรถต่อไปได้อีก จนกว่าจะถึงอู่ซ่อม แต่ควรขับรถด้วยความเร็วต่ำ และสังเกตอุณหภูมิความร้อนบนหน้าปัดรถ หากความร้อนสูงขึ้นให้ทำการหยุดรถและเติมน้ำอีกครั้ง ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนถึงที่หมายหรืออู่ซ่อมรถ
สำหรับวิธีการแก้ไขในเบื้องต้น เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เพื่อความปลอดภัยควรจะนำรถยนต์เข้าไปยังอู่ซ่อม เพื่อทำการเปลี่ยนหม้อน้ำนั่นเอง
ดูแลรักษาหม้อน้ำรถยนต์อย่างไรให้ทนทาน ใช้งานได้นาน
หลังจากที่ได้รู้วิธีการตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ ที่เป็นหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์ไปแล้ว คำแนะนำเพิ่มเติมคือผู้ใช้รถยนต์ควรหมั่นตรวจเช็กหม้อน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้น้ำแห้งจนกลายเป็นความร้อนสูงหรือโอเวอร์ฮีท ซึ่งอาจจำให้เกิดอันตรายทั้งเครื่องยนต์และคนขับได้ และยังเป็นการยืดอายุการใช้งาน สำหรับวิธีการดูแลหม้อน้ำสามารถทำตามได้ดังนี้
เติมหม้อน้ำด้วยน้ำยาหล่อเย็นเท่านั้น
หลายๆ คนอาจเข้าใจผิดว่าสามารถใช้น้ำเปล่าในการเติมหม้อน้ำได้ ซึ่งนั้นเป็นการกระทำที่อาจจะทำให้หม้อน้ำพังเร็วขึ้น เพราะน้ำเปล่ามีจุดเดือดที่ต่ำกว่าน้ำหล่อเย็น และน้ำมีปฎิกิริยาที่เดือดเร็ว ระบายความร้อนไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งหากใช้น้ำเปล่านานๆ เข้าอาจจะทำให้เกิดการอุดตัน รั่วซึมได้ ดังนั้น การเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ควรใช้น้ำหล่อเย็นเท่านั้น เนื่องจากมีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมและตะกอน ช่วยให้หม้อน้ำมีอายุการใช้งานที่นาน
ตรวจเช็กอุปกรณ์อื่นๆ ควบคู่
ไม่เพียงแค่ตรวจเช็กหม้อน้ำเท่านั้น ส่วนประกอบใกล้เคียงกับหม้อน้ำ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรตรวจสอบเช็กอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อดูแลรักษาหม้อน้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานไม่ว่าจะเป็น
- ท่อยางหม้อน้ำ: ไม่ควรปล่อยให้ท่อแข็งจนกรอบหรือฉีดขาด และต้องอยู่ในสภาพที่ดี ไม่บวมหรืองอ เพราะจะทำให้ง่ายต่อการรั่วซึมของน้ำได้
- พัดลมหม้อน้ำ: ตรวจสอบสภาพของใบพัด ไม่ควรปล่อยให้แตกหักเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของรถยนต์ลดลง
- ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ: ควรหมั่นทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ ไม่ให้แมลง เศษใบไม้ หรือเศษโคลนเข้าไปติดปิดบังลม เพราะอาจทำให้การระบายความร้อนของหม้อน้ำในเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพต่ำ
- หม้อพักน้ำ: ตรวจเช็กหม้อน้ำให้น้ำอยู่ในระดับ MAX และไม่ควรเกินขีด MAX เพราะจะทำให้ความร้อนส่งแรงดันน้ำจนพุ่งออกมา
สรุป
แบตเตอรี่รถยนต์เปรียบเหมือนหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังส่วนต่างๆ เพื่อให้ระบบของเครื่องยนต์สามารถทำงานได้ ดังนั้น หากเกิดอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม จะต้องหาทางตรวจสอบสาเหตุทันที ซึ่งวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนั้น สามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาด การจั๊มไฟไฟ หรือการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่ เพื่อยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น